Saturday, January 25, 2014

แมวสีสวาท


แมวโคราช หรือ แมวมาเลศ ต้นกำเนิดพบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อยที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา จึงเรียก แมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่น ๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว หรือเหมือนคนผมหงอก
ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด
แมวโคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกโดย Cedar Glen Cattery ในรัฐออริกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2502 ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมริแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก
ปัจจุบันได้มีการผลักดันให้แมวโคราชขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ประจำชาติไทย ในปี พ.ศ. 2552

ลักษณะโดยทั่วไป

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
  • ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน
  • ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่ว ๆ ไป จะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป มีสีอื่นปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี



ที่มา http://th.wikipedia.org/


แมวขาวมณี

แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอดเป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้มากสุดในปัจจุบัน เป็นแมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จึงเชื่อว่าเป็นแมวที่เพิ่งกำเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ใราชสำนักครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราณมาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนได้เป็นอย่างดี
ลักษณะเด่นของขาวมณีคือสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อยนัยน์ตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อยในแมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี
จุดด้อยอีกข้อของแมวขาวมณีคือความไม่ขาวปลอด มีสีใดสีหนึ่งแซมเข้ามา รวมถึงตาสองข้างเป็นคนละสีกัน (Odd eyes) หรือเป็นสีอื่นสีใดที่ไม่ใช่สีฟ้าหรือเหลืองอำพัน ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ (อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศนั้นกลับนิยมแมวขาวมณีที่มีตาคนละสีมากกว่าตาสีเดียว) เช่นเดียวกับขนที่ยาวมากเกินขนาด หางคด หางขอด หางงอและ หางสั้น
แมวขาวมณี ได้เข้าสู่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยเจเน็ท โฮลเซ่น หญิงชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้มีตาสองสีและมีผมสีอ่อน เพื่อเป็นของขวัญแก่ลูกสาวบุตรธรรมชาวไทย ที่ก็เป็นผู้พิการทางหู ปัจจุบันก็มีผู้เพาะพันธุ์รายนี้เพียงรายเดียวเท่านั้นในสหรัฐอเมริกา

้ที่มา
http://th.wikipedia.org/ 

Sunday, January 12, 2014

แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น American Shorthair

หากคุณกำลังมองหาแมวที่จะนำมาเป็นเพื่อนที่ดีของเด็ก ๆ ตัวใหญ่ ใจดี น่ากอดอยู่ล่ะก็ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair)  เป็นแมวพันธุ์ที่มีความเหมาะสมอย่างมาก แมวพันธุ์นี้เป็นที่รู้กันถึงความอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ดูดี มีลักษณะที่สงบ ทั้งยังเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากในวงการโฆษณาและวงการบันเทิง จึงไม่แปลกเลยว่า American Shorthair จะเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งซึ่งที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกแห่งแมว 
         
ทั้งนี้ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair) เป็นแมวสายพันธุ์ของอเมริกา บรรพบุรุษมาจากแถบยุโรปในช่วงเริ่มแรกและมาแพร่พันธุ์ยังอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งชาวยุโรปเดินทางไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ โดยแมวถูกนำลงเรือไปด้วยเพื่อใช้ประโยชน์ในการล่าหนูมิให้ทำลายข้าวของ ต่อมาแมวมีการผสมพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายไปเป็นแมวพื้นเมืองขนสั้นของอเมริกาเหนือ ความสวยและน่ารักของมันได้กลายมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เช่นเดียวกับกับความสามารถในการจับหนูของมัน ตามข้อมูลระบุว่า แมว tabby (ลายเสือ) American Shorthair เคยถูกเสนอขายในราคาถึงกว่า $2,500 ในงานประกวดแมวประจำปีในปี 1896

          ต่อมา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แมวสายพันธุ์ต่างประเทศได้ถูกนำเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกา (แมวขนยาวกับแมววิเชียรมาศ) เพื่อผสมกับแมวพื้นเมืองขนสั้น และได้ให้กำเนิดลูกแมวที่มีลักษณะขน ลำตัว สี และอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป ใครก็ตามที่ต้องการรักษาแมวสายพันธุ์ American Shorthair ต้องมีตัวอย่างสายพันธุ์แมวที่บริสุทธิ์ และเริ่มที่ผสมกับแมวที่ได้รับการเลือก เพื่อจะรักษาลักษณะที่ดีของสายพันธุ์ หน้าที่สวยงาม ลักษณะนิสัยที่อ่อนหวาน และในขณะเดียวกันก็รักษาลักษณะรูปแบบและสีสันของ American Shorthair อย่างที่เป็นทุกวันนี้  และกลายเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คนนิยมเลี้ยง

       
   ในปี 1966  จากเดิมที่เรารู้จักกันในแมวที่เลี้ยงกันตามบ้านทั่วไป (Domestic Shorthair) แมวสายพันธุ์นี้ได้รับการตั้งชื่อเสียใหม่ว่า American Shorthair เพื่อให้เป็นตัวแทนของลักษณะแมวของอเมริกาและเพื่อให้แตกต่างจากแมวขนสั้น สายพันธุ์อื่น ๆ ชื่อ American Shorthair เป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นแมวขนสั้นพันธุ์ดั้งเดิมในอเมริกาเหนือ ที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากแมวที่หาได้ตามท้องถนนทั่วไป


ลักษณะสายพันธุ์ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น

          แมวอเมริกันชอร์ตแฮร์ มีลักษณะสีขนและรูปร่างมากกว่า 80 แบบ มีตั้งแต่ สีน้ำตาล striking tabby ไปจนถึง แมวสีขาวตาสีฟ้าสดใส หรือ shaded silvers สี smoke และสี camero รวมทั้งสี calico van และสีอื่นในระหว่างนี้ สีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสี silver tabby โดยจะมีลายสีดำเข้ม พลาดอยู่บนพื้นสีเงิน (ลายเสือ)

          สำหรับรูปร่างของแมวอเมริกันชอร์ตแฮร์ มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวโต มีกล้ามเนื้อแข็งแรง มองเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ใบหูมีขอบเป็นทรงกลมมน ส่วนหัวมีลักษณะรูปไข่ ดวงตากลมโต มีสีเขียวมรกต

          ลักษณะนิสัยของ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Short Hair) เป็นแมวที่ช่างสงสัย นิสัยร่าเริง ชอบเล่นไปเรื่อย ๆ มีเสน่ห์ แต่จะฝึกค่อนข้างยาก ไม่เหมือนสุนัขที่ฝึกง่าย ดังนั้น จะต้องคลุกคลีกับแมวให้มาก ๆ ในขณะที่การดูแลก็จะทำเป็นอย่างดี พาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ

          ส่วนปัญหาของแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อราและเป็นหวัด ถ้าหากเจ้าของให้การดูแลไม่ดีก็จะเลี้ยงลำบาก ส่วนปัญหาเรื่องขนร่วงมีน้อยมาก โดยจะร่วงเฉพาะในช่วงเวลาผลัดขนปีละ 2 ครั้งเท่านั้น




ที่มา www.kapook.com






แมวเปอร์เซีย

      แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะเป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย

           
แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)

           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง

           นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian

 ลักษณะสายพันธุ์

           แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา

           สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น






ที่มา www.kapook.com

เดวอนเร็กซ์ Cornish Rex


แมวพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดที่เมือง คอร์วอลล์(Corwall) ประเทศอังกฤษเมื่อประมาณ ปีค.ศ. 1950 เกิดจากการผสมพันธุ์ในหมู่แมวพันธุ์เร็กซ์ด้วยกัน แมวคอร์นิช เร็กซ์ เป็นแมวขี้เล่น ขี้ประจบ เป็นแมวขนาดเล็ก-กลาง หัวยาวแคบหน้าผากกลมเล็กน้อย จมูกยาว ใบหูใหญ่ปลายมน นัยน์ตาสีทองแดงหรือน้ำตาลแดงรูปไข่ ลำตัวผอมบาง ขาและหางยาว เท้าเล็ก มีหลายสี ขนหยิกเป็นคลื่นและสั้นมากกว่าแมวเดวอน เร็กซ์ ดังนั้นจึงอาจดูเหมือนว่า คอร์นิช เร็กซ์ ขนหยิกน้อยกว่า เดวอน เร็กซ์






ที่มา www.catthailand.com

แมวหิมาลายัน

 ผู้ที่คลั่งไคล้เจ้าเหมียวขนปุย เพราะน่ารักน่ากอดมาก ๆ วันนี้เรามีแมวอีกหนึ่งสายพันธุ์มาแนะนำให้คนรักแมวรู้จักกันค่ะ จะว่าเป็นแมวเทศซะทีเดียวก็ไม่ใช่ แมวไทยก็ไม่เชิง ก็เจ้าเหมียวพันธุ์นี้ เป็นลูกผสมระหว่างแมววิเชียรมาศ(ไทย) กับแมวเปอร์เซีย จนได้ออกมาเป็น แมวพันธุ์ หิมาลายัน หน้าตาน่ารักน่าเลิฟไม่ใช่เล่น ว่าแล้วไปรู้จักกับ แมวหิมาลายัน กันแลยค่ะ
          แมวหิมาลายัน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแมว color point เป็นแมวเปอร์เซียที่ได้รับความนิยมมากอีกชนิดหนึ่ง แมวหิมาลายันเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซียและแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศ มีลักษณะรูปร่างหน้าตา และขนยาวเหมือนแมวเปอร์เซีย แต่มีแต้มแบบแมววิเชียรมาศ (9 จุด ได้แก่ ครอบหน้า 1, หู 2, ขาทั้ง 4, หาง 1 และอวัยวะเพศ 1) แมวหิมาลายันได้รับการพัฒนาจนมีสายเลือดที่นิ่งจนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแมวเปอร์เซียอีกสายพันธุ์หนึ่ง

         
 ทั้งนี้ แมวหิมาลายัน ถูกผสมขึ้นครั้งแรกในแถบเทือกเขาหิมาลัย จึงได้ชื่อว่า แมวฮิมาลายัน แมวพันธุ์นี้จะมีลักษณะขนที่ปกคลุมร่างกายคล้ายละอองหิมะ มีนัยน์ตาสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน หากดวงตาของแมหิมาลายันเป็นสีอื่นจะถือว่าผิดจากมาตรฐาน
 ลักษณะทั่วไป แมวหิมาลายัน

          แมวหิมาลายัน มีลักษณะผิวแบบแมวไทยในอเมริกาเหนือ ลำตัวสั้นป้อมและเตี้ย แข็งแรง ขาค่อนข้างเล็ก หูสั้น จมูกสั้น แก้มนูนเต็ม ลูกนัยน์ตากลมม่านในตาเปิด ลูกนัยน์ตาสีน้ำเงินหรือฟ้าสุกใส ขนยาว บริเวณรอบเอวมีขนอ่อนนุ่ม รอบ ๆ คอและแก้มมีขนครุยห้อย บริเวณหางขนขึ้นหนาทึบ ที่หูจะมีขนยาวเป็นกระจุกห้อยย้อยลงมาน่ารักเชียว

แมวหิมาลายัน
แมวหิมาลายัน (Himalayan Cat)
แมวหิมาลายัน
แมวหิมาลายัน (Himalayan Cat)

 ลักษณะนิสัย แมวหิมาลายัน

          แมวหิมาลายัน ส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่พวกที่ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ กล่าวคือ มันไม่ได้ขยับไปขยับมาตลอดเวลา แม้มันชอบที่จะเล่นและเป็นค่อนข้างจะคล่องแคล่ว แต่มันก็มีเวลาของมัน แมวหิมาลายันชอบที่จะทำอะไรที่คุณกำลังทำอยู่ คำที่จะอธิบายลักษณะของมันได้มากที่สุดคือ people oriented ก็คือมีแนวโน้มที่จะอยู่กับคน ช่วยเหลือคน ปฏิบัติตามคน

  
       นอกจากนี้ แมวหิมาลายันมักจะพยายามที่จะช่วยเหลือคุณในทุก ๆ เรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่คุณอ่านหนังสือพิมพ์ หรือจัดเตียง มันมักจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณเสมอ และมันก็จะระบายความรู้สึกของมันออกมาทางเสียงที่ไพเราะเป็นเหมือนดนตรี สิ่งที่มันต้องการที่สุดก็คือแค่การที่เราอุทิศแรงกายแรงใจในการเลี้ยงดู เอาใจใส่มันแค่นั้นเอง
 การดูแล แมวหิมาลายัน

          ด้วยขนที่ยาวของ แมวหิมาลายัน ทำให้คุณจะต้องหมั่นรักษาความสะอาด หมั่นแปรงขนให้ทุก ๆ วัน รวมถึงการอาบน้ำให้อาทิตย์ละครั้ง  โดยส่วนใหญ่แล้ว แมวหิมาลายัน มักจะเคยชินกับการทำความสะอาดและอาบน้ำตั้งแต่เมื่อมันยังเป็นลูกแมว ดังนั้น แมวหิมาลายัน ก็จะยินยอมสิงเหล่านี้โดยไม่อิดออดอะไรมาก หากคุณฝึกตั้งแต่ยังเล็ก


ที่มา www.kapook.com

แร็กดอลล์ Ragdoll

เจ้าแมวแร็กดอลล์นี้มีลักษณะเหมือนตุ๊กตาผ้ามากเลยได้ชื่อว่า Ragdoll เวลาอุ้มก็ชอบทำตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูก ขนบริเวณเอวแน่นฟู มีเสียงร้องที่เบามาก และเป็นแมวที่ชอบความเงียบสงบ
คนรักแมว, แมว, แมวที่น่ารักที่สุดในโลก, แมวเปอร์เซีย, รูปแมว, แมวพันธุ์ต่างๆ

 ถิ่นกำเนิด
จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแมวแร๊กดอลล์ตัวแรกได้มีการพัฒนามาจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซีย และแมวแองโกล่า
 และได้พัฒนาสายพันธุ์เรื่อยมาจนเป็นแมวแร็กดอลล์ในปัจจุบัน
 
ลักษณะเด่น
แมว Ragdoll เป็นแมวที่มีโครงร่างใหญ่ ขนหนานุ่ม มีขนอยู่ 4 แบบ คือ bi-color, van, mitted และ pointed โดยมีสีอยู่ 8 สี คือ seal, blue, chocolate, lilac, red, cream, fawn และ cinnamon และอาจมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศได้อีกด้วย ขนบริเวณเอวหนาแน่นเป็นปุยฟู และมีเป็นจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์l คือ บริเวณอุ้งเท้าไปถึงช่วงขามีสีขาวเหมือนสวมถุงเท้า ลักษณะคล้ายแมวตุ๊กตาผ้า
Ragdoll Cat 02
 
ลักษณะนิสัย
เป็นแมวแร็กดอลล์ เป็นแมวที่รักความเงียบสงบ มีเสียงร้องที่เบามาก และเมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวคล้ายไม่มีกระดูก ดูราวกับตุ๊กตาผ้า มีนิสัยขี้อ้อน ติดคนมาก เข้ากับเด็กและสัตว์อื่นได้ดีอีกด้วย




ที่มา www.pet.pigthai.com

อเมริกัน เคิร์ล American Curl

 ประวัติ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl

          แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ถูกค้นพบในชุมชน California ของ Lakewood โดย Joe และ Grace Ruga ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1981 Joe กลับจากทำงานตอนเย็นนั้นและพบลูกแมว 2 ตัวอายุ 6 เดือน ภายนอกบ้านของเขา จึงรับมาเลี้ยงดู พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าพวกมันมีหูที่เป็นวงนั้นจากหลังถึงหัว ดูแล้วเป็นที่น่าขัน ลูกแมวตัวที่เป็นพี่ มีสีดำกับขนยาวและอีกตัวหนึ่ง มีขนสีดำ และสีขาวและขนกึ่งยาว ทั้งสองมีขนนุ่มเป็นมันเรียบคล้ายไหม ลูกแมวทั้งสองถูกตั้งชื่อว่า Shulamith และ Panda

         
 ต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ.1981 หลังการตกลูกครอกแรกของ Shulamith พวกเขาจึงได้มองเห็นถึงการมีใบหูที่มีลักษณะที่พิเศษไม่เหมือนใครของมัน แสดงถึงการค้นพบพันธุ์ใหม่ของแมว พวกเขาเริ่มต้นการวิจัยและการทดสอบเพาะพันธุ์โดยทันที ซึ่งนำมาสู่การยอมรับและได้รับการจดทะเบียนเป็น อเมริกัน เคิร์ล American Curl แมวพันธุ์ใหม่ของโลกในปี ค.ศ.1986 ซึ่งแมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นแมวที่สามารถแบ่งพันธุ์ได้ทั้งสองชนิดคือมีทั้ง แบบ Shorthair และ Longhair


ลักษณะทั่วไปของ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl
แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ตัวผู้จะมีลักษณะสวยงามและสง่างามกว่า แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ตัวเมีย โดยเพศเมียมีน้ำหนักประมาณ 5-8 ปอนด์ เพศผู้หนักประมาณ 7-10 ปอนด์ โตเต็มที่เมื่ออายุ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี เมื่อแรกเกิด ลูกแมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl หูจะยังไม่พลิก แต่เมื่อผ่านไปราว 2 สัปดาห์ หูก็จะเริ่มพลิกม้วนไปด้านหลังมากขึ้น จนเมื่ออายุได้ 16 สัปดาห์ หูจะเริ่มพลิกไปด้านหลังอย่างถาวร โดยหูจะม้วนไปข้างหลังอย่างน้อย 90 องศา แต่ไม่ถึง 180 องศา

      
    ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์นี้ นอกจากจะมีหูพลิกแล้ว ยังมีร่างกายขนาดกลางที่สมส่วน ขนเป็นมันหนาแน่น ดวงตาเป็นรูปวอลนัท โดยขนจะไม่ยาวมาก เป็นแบบกึ่งสั้นกึ่งยาว ขนจะเรียบไม่ฟู แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl มีหลากหลายสีและรูปแบบ เนื่องจากขนที่หนาแน่นนี้เอง ทำให้ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curlต้องการการดูแลขนมากเป็นพิเศษ
ลักษณะนิสัย แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl
แมวพันธุ์นี้จะไม่ค่อยเปล่งเสียงร้องบ่อยนัก จะมีเพียงแต่เสียงเล็ก ๆ ครางในลำคอเท่านั้น


ที่มา www.kapook.com

อเมริกัน ไวร์แฮร์ American Wirehair

แมวพันธุ์ American Wirehair เป็นลักษณะเด่นของแมวพันธุ์ American เป็นการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ เกิดขึ้นในฟาร์มแห่งหนึ่ง เหนือรัฐ New York ในปี ค.ศ. 1966 การกลายพันธุ์โดยธรรมชาตินี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติ แต่ก็สามารถพบได้โดยทั่วไป มันเกิดขึ้นในอดีต จากการที่แมว 2 ตัวผสมพันธุ์แล้วได้ลูกที่มีลักษณะไม่เหมือน พ่อ- แม่ ตอนนี้ลูกหลานของมันก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว USAแล้ว สิ่งที่น่าสนใจและไม่ธรรมดาเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ที่แปลกพิเศษนี้ คือ มันไม่ได้ถูกรายงานไปในประเทศอื่น 

ขน คือ ลักษณะที่แยกสายพันธุ์ American Wirehair ออกจากสายพันธุ์อื่น แต่ว่ามันก็มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกับแมว Persians หรือ Exotics มันถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Wirehair ถึงแม้ว่าจะเป็นลักษณะที่เด่น แต่ก็มีประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เป็นแบบ Wirehair ตั้งแต่เกิด ลักษณะที่ดีและเห็นได้ชัดเจนของแมวพันธุ์ American Wirehair คือ การที่มีหนวดเป็นแบบขดลวด ขนทั้งหมดจะแข็ง หยาบ เหมือนลวดตั้งแต่เกิด ถ้าขนที่ปรากฏมีลักษณะเป็นลอน มันจะยาวและมีลักษณะเป็นคลื่น หรือเป็นเส้นตรงเมื่อแก่ตัวไป การม้วนของขนจะเกิดขึ้นในช่วงแรกๆของชีวิต ระดับของความหยาบกระด้างของขน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างขนของ พ่อ-แม่ เพื่อที่จะให้ลูกออกมามีขนที่ดีที่สุด ทั้งพ่อ และแม่ต้องมีลักษณะขนที่แข็ง 
                                                           

ตั้งแต่แรกที่การกลายพันธุ์ชนิดนี้ได้เกิดขึ้นมาในพวกแมวพันธุ์ American มันก็มีลักษณะทั่วไปเหมือนกับแมวพันธุ์ American Shorthair อย่างไรก็ตามแมวพันธุ์ American Wirehair ก็ยังมีลักษณะเฉพาะของมันก็คือ ตอนแรกเกิด ขนที่ปกคลุมมันจะมีลักษณะสั้น คล้ายลวด ซึ่งยากต่อการดูแลรักษา นอกจากนี้ นักปรับปรุงพันธุ์ยังรู้สึกว่ามันมีบางลักษณะที่ควรรักษาไว้และบางลักษณะที่สมควรมีการพัฒนาต่อไป แมวพันธุ์ American Wirehair ได้ถูกยอมรับเป็นครั้งแรกในองค์การ CFA ในปี 1967 และยอมให้เข้าร่วมการแข่งขันในปี 1978 นักปรับปรุงพันธุ์พบว่าแมวพันธุ์ American Wirehair ง่ายต่อการเลี้ยง ไม่ค่อยเป็นโรคและมีลูกง่าย คนที่เลี้ยงจะชอบที่มันเป็นแมวทีรักสงบ 

ราคาของแมวพันธุ์ American Wirehair ขึ้นอยู่กับชนิด จุดแต้มที่แปลกออกไป และสายพันธุ์ว่ามาจากพ่อ-แม่ที่ดีหรือไม่ โดยกำหนดไว้โดยสถาบันต่างๆ ดังนี้ Grand Champion (GC), National or Regional winning parentage (NW or RW) or of Distinguished Merit parentage (DM) สถาบัน DM ประสบความสำเร็จในการผลิตแม่พันธุ์ที่เป็นแม่พันธุ์ที่ดีที่สามารถผลิตลูกหลานได้รับรางวัล CFA ถึง 5 สมัย หรือพ่อพันธุ์ที่ดีที่สามารถผลิตลูกหลานได้รับรางวัล CFA ถึง 15 สมัย โดยปกติแล้วนักปรับปรุงพันธุ์จะอนุญาตให้ลูกแมวเข้าประกวดได้เมื่ออายุ 12 –16 สัปดาห์ หลังจากอายุ 12 สัปดาห์ ลูกแมวจะได้รับการฉีดวัคซีนพื้นฐาน การพัฒนาทางด้านกายภาพและการเข้าสังคม เพื่อเตรียมตัวไปสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ สามารถนำไปออกแสดงได้หรือสามารถเดินทางทางอากาศได้ การที่จะเลี้ยงแมวพันธุ์ American Wirehair นี้ควรจะเก็บที่มีค่าไว้ให้เรียบร้อย ทำหมัน และระวังนิสัยที่ชอบขีดข่วนของมันตามธรรมชาติด้วย ( CFA ไม่เห็นด้วยที่จะตัดเล็บมันออกไป ) ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่จำเป็นที่จะทำให้มันมีสุขภาพดี มีชีวิตยืนยาว และมีความสุข 

แมวพันธุ์ American Wirehair นี้เป็นลักษณะที่กลายพันธุ์ไปเองตามธรรมชาติ เป็นแมวที่มีขนาดตัวปานกลางจนถึงขนาดใหญ่ ขนไม่เพียงแต่จะยืดหยุ่นและหนาทึบเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะที่หยาบเหมือนเส้นลวด และแข็งอีกด้วย ซึ่งลักษณะนี้เป็นลักษณะที่ทำให้แมวพันธุ์ American Wirehair แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นๆ ลักษณะนิสัย : แมวพันธุ์ American Wirehair เป็นแมวที่มีชีวิตชีวา มีความว่องไว ความปราดเปรียวและกระตือรือร้นในสิ่งรอบข้างตลอดเวลา



ที่มา http://www.siamcat.info

แมวเหมียวสีเทา รัสเซียน บลู

ใครอยากเลี้ยงแมวสายพันธุ์ต่างประเทศบ้างยกมือขึ้น!!! วันนี้เรามี แมวพันธุ์ต่างประเทศ ที่ดูแลไม่ยาก เพราะขนสั้น อาบน้ำ แปรงขนไม่ยุ่งยาก แถมยังน่ารัก ขี้อ้อน มีหน้าตาที่ดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา จนได้รับฉายาว่า แมวยิ้ม นั่นก็คือ เจ้าเหมียวพันธุ์ "รัสเซี่ยน บลู" นั่นเอง เชื่อว่าคนรักแมวจะต้องชื่นชมกับความน่ารักของพวกมันอย่างแน่นอน 


          แมวรัสเซี่ยนบลู หรือ แมวรัสเซียสีฟ้า (Russian Blue) เป็นแมวน่ารัก สุภาพเรียบร้อย เงียบ รักสะอาด ขี้เล่น ทว่าขี้อายเล็กน้อย ฉลาดหลักแหลม เช่น สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยตนเอง เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และสัตว์อื่นๆ อีกทั้งยังมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร ขนของมันสั้นและหนาแน่น ขนสีฟ้าซึ่งก็คือสีเทาอ่อนเป็นลักษณะเด่นที่แมวพันธุ์นี้มี และยังมีเพียงสีนี้สีเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความที่ รัสเซียน บลู เป็นแมวที่มีขนสองชั้น ดูเผิน ๆ คล้ายขนของตัวบีเวอร์ ในระยะแรกจึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะแมวทูต หรือ Foreign Blue

          ว่ากันว่า ถิ่นกำเนิดเดิมของ แมวรัสเซียน บลู อยู่ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย โดย แมวรัสเซี่ยน บลู ตัวแรกที่ถูกนำมาอังกฤษ เป็นของที่พระเจ้าซาร์องค์หนึ่งประทานให้แก่นักการเมืองชาวอังกฤษ ขณะที่บางตำนานกล่าวว่า ชาวกลาสีเรือรัสเซียเอาแมวชนิดนี้มาแลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือในปี ค.ศ. 1860 จนกระทั่งได้กลายเป็นแมวชั้นสูง และเป็นแมวที่นิยมชมชอบมากของราชินี Victoria  อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ Russian Blue อย่างแน่ชัดนัก
ตามหลักฐานอ้างอิงระบุว่า แมวพันธุ์นี้ปรากฎตัวสู่งานประกวดแมวเป็นครั้งแรกที่เมือง Crystal Palace ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1875 ในฐานะแมวทูต ในตอนแรก Russian Blue ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทแมวสี Blue จนยังไม่ทันถึงปี ค.ศ. 1912 Russian Blue ก็ได้รับการรับรองสายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอังกฤษและสแกนดิเนเวียได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์ของ Russian Blue ให้ดียิ่งขึ้น 

          ต่อมา แมวพันธุ์นี้ถูกนำเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 แต่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์น้อยมาก จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอเมริกาได้ทำการผสมแมวอังกฤษกับแมวสีเงินที่มีตาสีเขียว จนกลายเป็น Russian Blue อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 แมวพันธุ์นี้ก็เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะแมวบ้านและแมวประกวด

          สำหรับลักษณะประจำสายพันธุ์ แมวรัสเซียน บลู นั้น เป็นแมวตัวใหญ่ ดวงตากลมโตรูปกลม (Round) สีเขียวสุกใส ศีรษะแบนกว้างคล้ายงู รูปร่างป้อมกลม ล่ำสัน หูได้รูปกับศีรษะ ลำตัวยาวเรียว ขนสั้นอ่อนนุ่มสีเทาเงินล้วนเป็นเงางามอ่อนนุ่มทั่วตัว ปราศจากรอยด่างพร้อย ลักษณะศีรษะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ขนขึ้นปกคลุมบริเวณคอมีความอ่อนนุ่มลักษณะคล้ายเส้นไหม และลำตัวค่อนข้างยาว

ที่มา www.kapook.com